ขอเชิญร่วมเททองหล่อพระ
“พระพุทธรัตนสุขพรหม”
ณ วัดป่าหนองโกเจริญธรรม ต.อ่างหิน อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ๗๐๑๔๐
วันศุกร์ – เสาร์ - อาทิตย์ ที่ ๗,๘,๙ พฤศภาคม พ.ศ. ๒๕๕๓
ขอเชิญพุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศัทธาร่วมสลักชื่อลงบนแผ่นทอง เงิน นาค เพื่อเข้าร่วมพิธี เททองหล่อ “พระพุทธรัตนสุขพรหม” เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ขนาดหน้าตักกวาง ๑๑๙ นิ้ว ไว้เป็นศาสนวัตถุทางพุทธศาสนาแก่พุทธบริษัททั้งสี่ที่ได้มาร่วมกันจัดสร้างประดิษฐาน ณ อุโบสถวัดป่าหนองโกเจริญธรรม และร่วมสร้างอุโบสถเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช เป็นการสร้างบารมีทานเพื่อเป็นศิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว ทั้งอดีตตลอดจนถึงปัจจุบันและให้มีความเจริญสืบต่อไป ในภายภาคหน้าแห่งอนาคตตราบเข้าสู่มรรคผลและนิพพาน
ในงานฉลองสมโภชน์เททองหล่อพระพุทธรูปขนาดใหญ่หน้าตักกว้าง ๑๑๙ นิ้ว นี้จัดให้มีการบวชเนกขัมชีพราหมณ์ ปฏิบัติธรรม เจริญจิตภาวนา เสริมสร้างวัตถุธรรม บารมีธรรม วัตถุทานบารมีเป็นการสั่งสมโภคทรัพย์แห่งทานบารมี ให้เต็มบริบูรณ์ จึงขอเชิญชวนบวชเนกขัมชีพราหมณ์ ฟังธรรมปฏิบัติเจริญ พุทธมนต์คาถาพิเศษเพื่อเสริมดวงชะตามงคลชีวิตให้มีความเจริญในธุรกิจการงานและสติปัญญา ปราศจากภัยพิบัติท้งปวง ขอให้เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณธนสารสมบัติทุกประการเทอญ
ติดต่อสอบถามและร่วมบริจาคได้ที่ เจ้าอาวาสวัดป่าหนองโกเจริญธรรม
โทร. ๐๘-๙๘๓๗-๖๗๒๒
วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2553
วันพฤหัสบดีที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2553
สารวันเด็กแห่งชาติ ปี 2553 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
เนื่องในโอกาส “วันเด็กแห่งชาติ” ประจำปีพุทธศักราช 2553 วันที่ 9 มกราคม ศกนี้ ผมในนามของรัฐบาลและในนามของผู้ใหญ่ทุกคนในสังคมไทย ขอส่งความระลึกถึงความห่วงใยและความปรารถนาดีมายังเด็กและเยาวชนไทยทุกคน และในปีนี้ ผมได้ให้คำขวัญวันเด็กไว้ว่า “คิดสร้างสรรค์ ขยันใฝ่รู้ เชิดชูคุณธรรม”
เด็กและเยาวชนคือทรัพยากรบุคคลที่เป็นความหวัง และเป็นพลังสำคัญของประเทศชาติในอนาคต เด็กๆ และเยาวชนที่จะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในวันหน้าจะต้องรับช่วงภารกิจในการ รักษาบ้านเมืองและพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า ตลอดจนสืบสานมรดกวัฒนธรรมประจำชาติต่อไป การจัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้นเป็นประจำทุกปีก็เพื่อให้สังคมตระหนักถึงความ สำคัญของเด็กและเยาวชน และเพื่อให้เด็กและเยาวชนได้รับทราบถึงความสำคัญของตนเอง
เด็กๆ เปรียบเสมือนต้นไม้ที่จะเติบโตงดงามได้ย่อมต้องมีรากที่แข็งแรง การดูแลทะนุบำรุงปลูกฝังสั่งสอนเด็กและเยาวชนด้วยความรัก ความเอาใจใส่จากครอบครัวและสังคม การสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้เด็กๆ และเยาวชนในด้านต่างๆ จะทำให้เด็กและเยาวชนสามารถก้าวสู่อนาคตได้อย่างมั่นคง ดังนั้น ผู้ใหญ่ในวันนี้ จึงต้องร่วมมือกันอบรมเลี้ยงดูเด็กและเยาวชนให้มีความเจริญทั้งด้านร่างกาย และจิตใจ และให้มีความพร้อมที่จะนำพาหรือช่วยพัฒนาประเทศได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ตลอดไป
รัฐบาลถือเป็นภารกิจเร่งด่วนที่จะดำเนินการให้แก่เด็กและเยาวชนไทยเจริญเติบ โตขึ้นอย่างมีคุณภาพ มีความคิดที่ก้าวหน้าและสร้างสรรค์ มีความขยันหมั่นเพียร ใฝ่หาความรู้อย่างต่อเนื่อง และยึดมั่นเชิดชูคุณธรรม เป็นคนดีของสังคม รัฐบาลจึงดำเนินการปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบเพื่อนำไปสู่การยกระดับคุณภาพการ ศึกษาและการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นคุณธรรมนำความรู้อย่างแท้จริง จัดให้ทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาฟรี 15 ปี ตั้งแต่ระดับอนุบาลไปจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย สร้างความเสมอภาคและความเป็นธรรมในโอกาสทางการศึกษาให้แก่ประชาชนทุกคน รวมทั้งมุ่งมั่นทำงานเพื่อให้บ้านเมืองมีความสงบสุข มีความเจริญก้าวหน้า มีเศรษฐกิจมั่นคง มีสวัสดิการที่ดี เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีครอบครัวที่มีความสุข
ขอให้เด็กและเยาวชนมั่นใจว่า รัฐบาลและทุกหน่วยงานของสังคมจะช่วยกันอย่างเต็มที่ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ความสามารถ มีทักษะวิชาชีพ มีความมั่นคงก้าวหน้า สามารถรับผิดชอบหน้าที่อันสำคัญต่อไป ขอให้เด็กและเยาวชนทุกคนรู้จักรับผิดชอบต่อตนเอง ตั้งใจใฝ่ศึกษาหาความรู้ ประพฤติปฏิบัติตนยึดมั่นในจริยธรรมและคุณธรรม มีความคิดที่ดีและสร้างสรรค์แก่สังคมและส่วนรวมตามคำขวัญของผมในปีนี้ เพื่อเป็นข้อเตือนใจและเป็นแนวทางการปฏิบัติตนเพื่อให้ประสบผลดีในชีวิตต่อ ไป
เนื่องในโอกาส “วันเด็กแห่งชาติ” ประจำปีพุทธศักราช 2553 นี้ ผมขออวยพรให้เด็กและเยาวชนไทยทุกคนประสบแต่ความสุข ความเจริญ มีสุขภาพกายและใจที่สมบูรณ์แข็งแรง มีสติปัญญาที่เฉลียวฉลาด ประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในกรอบของคุณธรรมความดี และบำเพ็ญตนเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม เพื่อช่วยกันนำพาบ้านเมืองไปสู่ความสุขสงบก้าวหน้ารุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป
เด็กและเยาวชนคือทรัพยากรบุคคลที่เป็นความหวัง และเป็นพลังสำคัญของประเทศชาติในอนาคต เด็กๆ และเยาวชนที่จะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในวันหน้าจะต้องรับช่วงภารกิจในการ รักษาบ้านเมืองและพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า ตลอดจนสืบสานมรดกวัฒนธรรมประจำชาติต่อไป การจัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้นเป็นประจำทุกปีก็เพื่อให้สังคมตระหนักถึงความ สำคัญของเด็กและเยาวชน และเพื่อให้เด็กและเยาวชนได้รับทราบถึงความสำคัญของตนเอง
เด็กๆ เปรียบเสมือนต้นไม้ที่จะเติบโตงดงามได้ย่อมต้องมีรากที่แข็งแรง การดูแลทะนุบำรุงปลูกฝังสั่งสอนเด็กและเยาวชนด้วยความรัก ความเอาใจใส่จากครอบครัวและสังคม การสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้เด็กๆ และเยาวชนในด้านต่างๆ จะทำให้เด็กและเยาวชนสามารถก้าวสู่อนาคตได้อย่างมั่นคง ดังนั้น ผู้ใหญ่ในวันนี้ จึงต้องร่วมมือกันอบรมเลี้ยงดูเด็กและเยาวชนให้มีความเจริญทั้งด้านร่างกาย และจิตใจ และให้มีความพร้อมที่จะนำพาหรือช่วยพัฒนาประเทศได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ตลอดไป
รัฐบาลถือเป็นภารกิจเร่งด่วนที่จะดำเนินการให้แก่เด็กและเยาวชนไทยเจริญเติบ โตขึ้นอย่างมีคุณภาพ มีความคิดที่ก้าวหน้าและสร้างสรรค์ มีความขยันหมั่นเพียร ใฝ่หาความรู้อย่างต่อเนื่อง และยึดมั่นเชิดชูคุณธรรม เป็นคนดีของสังคม รัฐบาลจึงดำเนินการปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบเพื่อนำไปสู่การยกระดับคุณภาพการ ศึกษาและการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นคุณธรรมนำความรู้อย่างแท้จริง จัดให้ทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาฟรี 15 ปี ตั้งแต่ระดับอนุบาลไปจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย สร้างความเสมอภาคและความเป็นธรรมในโอกาสทางการศึกษาให้แก่ประชาชนทุกคน รวมทั้งมุ่งมั่นทำงานเพื่อให้บ้านเมืองมีความสงบสุข มีความเจริญก้าวหน้า มีเศรษฐกิจมั่นคง มีสวัสดิการที่ดี เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีครอบครัวที่มีความสุข
ขอให้เด็กและเยาวชนมั่นใจว่า รัฐบาลและทุกหน่วยงานของสังคมจะช่วยกันอย่างเต็มที่ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ความสามารถ มีทักษะวิชาชีพ มีความมั่นคงก้าวหน้า สามารถรับผิดชอบหน้าที่อันสำคัญต่อไป ขอให้เด็กและเยาวชนทุกคนรู้จักรับผิดชอบต่อตนเอง ตั้งใจใฝ่ศึกษาหาความรู้ ประพฤติปฏิบัติตนยึดมั่นในจริยธรรมและคุณธรรม มีความคิดที่ดีและสร้างสรรค์แก่สังคมและส่วนรวมตามคำขวัญของผมในปีนี้ เพื่อเป็นข้อเตือนใจและเป็นแนวทางการปฏิบัติตนเพื่อให้ประสบผลดีในชีวิตต่อ ไป
เนื่องในโอกาส “วันเด็กแห่งชาติ” ประจำปีพุทธศักราช 2553 นี้ ผมขออวยพรให้เด็กและเยาวชนไทยทุกคนประสบแต่ความสุข ความเจริญ มีสุขภาพกายและใจที่สมบูรณ์แข็งแรง มีสติปัญญาที่เฉลียวฉลาด ประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในกรอบของคุณธรรมความดี และบำเพ็ญตนเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม เพื่อช่วยกันนำพาบ้านเมืองไปสู่ความสุขสงบก้าวหน้ารุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป
สารวันเด็กแห่งชาติ นายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปี 2553
เนื่องในโอกาส “วันเด็กแห่งชาติ” ประจำปีพุทธศักราช 2553 วันที่ 9 มกราคม ศกนี้ ผมในนามของรัฐบาลและในนามของผู้ใหญ่ทุกคนในสังคมไทย ขอส่งความระลึกถึงความห่วงใยและความปรารถนาดีมายังเด็กและเยาวชนไทยทุกคน และในปีนี้ ผมได้ให้คำขวัญวันเด็กไว้ว่า “คิดสร้างสรรค์ ขยันใฝ่รู้ เชิดชูคุณธรรม”
เด็กและเยาวชนคือทรัพยากรบุคคลที่เป็นความหวัง และเป็นพลังสำคัญของประเทศชาติในอนาคต เด็กๆ และเยาวชนที่จะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในวันหน้าจะต้องรับช่วงภารกิจในการ รักษาบ้านเมืองและพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า ตลอดจนสืบสานมรดกวัฒนธรรมประจำชาติต่อไป การจัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้นเป็นประจำทุกปีก็เพื่อให้สังคมตระหนักถึงความ สำคัญของเด็กและเยาวชน และเพื่อให้เด็กและเยาวชนได้รับทราบถึงความสำคัญของตนเอง
เด็กๆ เปรียบเสมือนต้นไม้ที่จะเติบโตงดงามได้ย่อมต้องมีรากที่แข็งแรง การดูแลทะนุบำรุงปลูกฝังสั่งสอนเด็กและเยาวชนด้วยความรัก ความเอาใจใส่จากครอบครัวและสังคม การสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้เด็กๆ และเยาวชนในด้านต่างๆ จะทำให้เด็กและเยาวชนสามารถก้าวสู่อนาคตได้อย่างมั่นคง ดังนั้น ผู้ใหญ่ในวันนี้ จึงต้องร่วมมือกันอบรมเลี้ยงดูเด็กและเยาวชนให้มีความเจริญทั้งด้านร่างกาย และจิตใจ และให้มีความพร้อมที่จะนำพาหรือช่วยพัฒนาประเทศได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ตลอดไป
รัฐบาลถือเป็นภารกิจเร่งด่วนที่จะดำเนินการให้แก่เด็กและเยาวชนไทยเจริญเติบ โตขึ้นอย่างมีคุณภาพ มีความคิดที่ก้าวหน้าและสร้างสรรค์ มีความขยันหมั่นเพียร ใฝ่หาความรู้อย่างต่อเนื่อง และยึดมั่นเชิดชูคุณธรรม เป็นคนดีของสังคม รัฐบาลจึงดำเนินการปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบเพื่อนำไปสู่การยกระดับคุณภาพการ ศึกษาและการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นคุณธรรมนำความรู้อย่างแท้จริง จัดให้ทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาฟรี 15 ปี ตั้งแต่ระดับอนุบาลไปจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย สร้างความเสมอภาคและความเป็นธรรมในโอกาสทางการศึกษาให้แก่ประชาชนทุกคน รวมทั้งมุ่งมั่นทำงานเพื่อให้บ้านเมืองมีความสงบสุข มีความเจริญก้าวหน้า มีเศรษฐกิจมั่นคง มีสวัสดิการที่ดี เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีครอบครัวที่มีความสุข
ขอให้เด็กและเยาวชนมั่นใจว่า รัฐบาลและทุกหน่วยงานของสังคมจะช่วยกันอย่างเต็มที่ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ความสามารถ มีทักษะวิชาชีพ มีความมั่นคงก้าวหน้า สามารถรับผิดชอบหน้าที่อันสำคัญต่อไป ขอให้เด็กและเยาวชนทุกคนรู้จักรับผิดชอบต่อตนเอง ตั้งใจใฝ่ศึกษาหาความรู้ ประพฤติปฏิบัติตนยึดมั่นในจริยธรรมและคุณธรรม มีความคิดที่ดีและสร้างสรรค์แก่สังคมและส่วนรวมตามคำขวัญของผมในปีนี้ เพื่อเป็นข้อเตือนใจและเป็นแนวทางการปฏิบัติตนเพื่อให้ประสบผลดีในชีวิตต่อ ไป
เนื่องในโอกาส “วันเด็กแห่งชาติ” ประจำปีพุทธศักราช 2553 นี้ ผมขออวยพรให้เด็กและเยาวชนไทยทุกคนประสบแต่ความสุข ความเจริญ มีสุขภาพกายและใจที่สมบูรณ์แข็งแรง มีสติปัญญาที่เฉลียวฉลาด ประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในกรอบของคุณธรรมความดี และบำเพ็ญตนเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม เพื่อช่วยกันนำพาบ้านเมืองไปสู่ความสุขสงบก้าวหน้ารุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป
เด็กและเยาวชนคือทรัพยากรบุคคลที่เป็นความหวัง และเป็นพลังสำคัญของประเทศชาติในอนาคต เด็กๆ และเยาวชนที่จะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในวันหน้าจะต้องรับช่วงภารกิจในการ รักษาบ้านเมืองและพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า ตลอดจนสืบสานมรดกวัฒนธรรมประจำชาติต่อไป การจัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้นเป็นประจำทุกปีก็เพื่อให้สังคมตระหนักถึงความ สำคัญของเด็กและเยาวชน และเพื่อให้เด็กและเยาวชนได้รับทราบถึงความสำคัญของตนเอง
เด็กๆ เปรียบเสมือนต้นไม้ที่จะเติบโตงดงามได้ย่อมต้องมีรากที่แข็งแรง การดูแลทะนุบำรุงปลูกฝังสั่งสอนเด็กและเยาวชนด้วยความรัก ความเอาใจใส่จากครอบครัวและสังคม การสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้เด็กๆ และเยาวชนในด้านต่างๆ จะทำให้เด็กและเยาวชนสามารถก้าวสู่อนาคตได้อย่างมั่นคง ดังนั้น ผู้ใหญ่ในวันนี้ จึงต้องร่วมมือกันอบรมเลี้ยงดูเด็กและเยาวชนให้มีความเจริญทั้งด้านร่างกาย และจิตใจ และให้มีความพร้อมที่จะนำพาหรือช่วยพัฒนาประเทศได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ตลอดไป
รัฐบาลถือเป็นภารกิจเร่งด่วนที่จะดำเนินการให้แก่เด็กและเยาวชนไทยเจริญเติบ โตขึ้นอย่างมีคุณภาพ มีความคิดที่ก้าวหน้าและสร้างสรรค์ มีความขยันหมั่นเพียร ใฝ่หาความรู้อย่างต่อเนื่อง และยึดมั่นเชิดชูคุณธรรม เป็นคนดีของสังคม รัฐบาลจึงดำเนินการปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบเพื่อนำไปสู่การยกระดับคุณภาพการ ศึกษาและการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นคุณธรรมนำความรู้อย่างแท้จริง จัดให้ทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาฟรี 15 ปี ตั้งแต่ระดับอนุบาลไปจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย สร้างความเสมอภาคและความเป็นธรรมในโอกาสทางการศึกษาให้แก่ประชาชนทุกคน รวมทั้งมุ่งมั่นทำงานเพื่อให้บ้านเมืองมีความสงบสุข มีความเจริญก้าวหน้า มีเศรษฐกิจมั่นคง มีสวัสดิการที่ดี เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีครอบครัวที่มีความสุข
ขอให้เด็กและเยาวชนมั่นใจว่า รัฐบาลและทุกหน่วยงานของสังคมจะช่วยกันอย่างเต็มที่ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ความสามารถ มีทักษะวิชาชีพ มีความมั่นคงก้าวหน้า สามารถรับผิดชอบหน้าที่อันสำคัญต่อไป ขอให้เด็กและเยาวชนทุกคนรู้จักรับผิดชอบต่อตนเอง ตั้งใจใฝ่ศึกษาหาความรู้ ประพฤติปฏิบัติตนยึดมั่นในจริยธรรมและคุณธรรม มีความคิดที่ดีและสร้างสรรค์แก่สังคมและส่วนรวมตามคำขวัญของผมในปีนี้ เพื่อเป็นข้อเตือนใจและเป็นแนวทางการปฏิบัติตนเพื่อให้ประสบผลดีในชีวิตต่อ ไป
เนื่องในโอกาส “วันเด็กแห่งชาติ” ประจำปีพุทธศักราช 2553 นี้ ผมขออวยพรให้เด็กและเยาวชนไทยทุกคนประสบแต่ความสุข ความเจริญ มีสุขภาพกายและใจที่สมบูรณ์แข็งแรง มีสติปัญญาที่เฉลียวฉลาด ประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในกรอบของคุณธรรมความดี และบำเพ็ญตนเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม เพื่อช่วยกันนำพาบ้านเมืองไปสู่ความสุขสงบก้าวหน้ารุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป
วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2552
ครูดีที่หนูประทับใจ
ครูดีที่หนูประทับใจ
คำว่าครูมาจากคำว่า “ครุ” แปลว่าหนักแน่นผู้ควรแก่การเคารพของศิษย์ ผู้สั่งสอน ครูดีที่หนูประทับใจ คือครูอธิวัฒน์ บัวงาม
เพราะว่าครูเป็นคนดี นิสัยดีและสอนดี ซื่อตรงไม่คตโกงใคร ครูเป็นคนไม่ลำเอียง ครูสอนให้หนูเป็นเด็กดี ให้รับผิดชอบเรื่องเรียน และงานกลุ่มที่ทำร่วมกับเพื่อน ๆ ในห้องเรียนและหน้าที่รับผิดชอบในโรงเรียน หนูจะไม่ลืมคำสั่งสอนของครู ที่สอนให้หนูเป็นคนดี “การที่ไม่ทำให้ตนเองเดือดร้อนและผู้อื่นเดือดร้อน” เรียกว่า คนดี ครูคอยให้กำลังใจ ให้หนูมีพลังเพื่อที่จะต่อสู้กับปัญหาต่าง ๆ ถ้าหนูได้เรียนต่อสูง ๆ หนูอยากจะเจอครูที่ดีและซื่อตรงและไม่ลำเอียงกับเด็กคนไหนในห้องเรียน เท่านี้หนูก็พอใจแล้ว ครูคนนี้ทำให้หนูมีสติปัญญาและความภูมิใจในชีวิต
ความภูมิใจและความดีใจ อยู่ในใจของหนูตลอดเวลา ตั้งแต่หนูได้เรียนกับครูตลอดมาอนาคตหนูอยากเป็นครู โดยยึดถือแบบอย่างของคุณครูเพื่ออบรม สั่งสอน ลูกศิษย์ให้เป็นคนดีของสังคมตลอดไป สุดท้ายนี้หนูขอให้ครูที่หนูประทับใจ จงมีสุขภาพแข็งแรง เป็นที่รักและเคารพของศิษย์ทุกคนตลอดไป
โรงเรียนวัดชัฏใหญ่ ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี
ด.ญ. สุภาวรรณ สัตย์มั่น ประถมศึกษาปีที่5 เลขที่ 10
วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2552
โรคตาแดง ที่ควรระวัง
โรคตาแดง โรคระบาดในฤดูฝน
ตาแดง โรคตาแดง
สรุปประเด็นโดยกระปุกดอทคอม
โรคตาแดง (Conjunctivitis) เกิดจากการอักเสบของเยื่อบุตาจากการติดเชื้อไวรัส เป็นกลุ่มอาดิโนไวรัส การติดเชื้อไวรัสตาแดงมีทั้งหมด 3 ชนิด คือ
1.ชนิดคออักเสบร่วมด้วย 2.ชนิดตาอักเสบไม่มาก 3.ชนิดตาอักเสบรุนแรง ซึ่งชนิดสุดท้ายเป็นชนิดที่มีความรุนแรงมากกว่าทุกชนิดอาการติดเชื้อไวรัสตาแดงชนิดมีเลือดออก (Acute hemorrhagic Conjunctivits) นี้ ระยะเวลาของโรคตาแดงนี้จะนาน 10-14 วัน
การติดต่อ โรคตาแดงโรคตาแดง สามารถติดต่อได้ง่ายๆ โดย
1.การ คลุกคลีใกล้ชิด หรือสัมผัสกับผู้ป่วยโรคตาแดง ซึ่งเป็นสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดการติดต่อ โรคตาแดง จากการสัมผัสน้ำตาของผู้ป่วยที่ติดมากับนิ้วมือและแพร่จากนิ้วมือมาติดที่ตา โดยตรง 2.ใช้เสื้อผ้า หรือสิ่งของร่วมกับผู้ป่วย 3.ฝุ่นละออง หรือน้ำสกปรกเข้าตา 4.แมงหวี่ หรือแมลงวันตอมตา 5.ไม่รักษาความสะอาดของร่างกาย โดยเฉพาะมือและใบหน้าทั้ง นี้ โรคตาแดง จะไม่ติดต่อทางการสบสายตา ทางอากาศ หรือรับประทานอาหารร่วมกัน และอาการต่างๆ จะเกิดได้ภายใน 1-2 วัน และระยะการติดต่อไปยังผู้อื่นประมาณ 14 วัน
อาการของ โรคตาแดงผู้ที่ได้รับเชื้อไวรัส จะมีอาการตาแดง เคืองตา ตาขาวจะมีสีแดงเรื่อๆ น้ำตาไหลเจ็บตา มักจะมีขี้ตามากร่วมด้วย จากการติดเชื้อแบคทีเรียมาพร้อมกัน ต่อมน้ำเหลืองหลังหูมักเจ็บและบวม มักเป็นที่ตาข้างใดข้างหนึ่งก่อน แล้วจะติดต่อมายังตาอีกข้างได้ถ้าไม่ระวังให้ดี ถ้าระมัดระวังไม่ให้น้ำตามข้างที่ติดเชื้อไวรัสมาถูกตาข้างที่ดีจะไม่เป็นตา แดง แต่ส่วนใหญ่มักเป็นไปอีกข้างอย่างรวดเร็ว
ฤดูกาล โรคตาแดงมักพบผู้ติดเชื้อไวรัสตาแดงในฤดูฝน ระยะเวลาของโรคจะเป็นประมาณ 5-14 วัน ถ้าไม่มีโรคแทรกซ้อนอย่างอื่น
โรคแทรกซ้อน โรคตาแดงมีอาการเคืองตามาก ลืมตาไม่ค่อยได้ มักมีอาการกระจกตาอักเสบแทรกซ้อน ซึ่งจะดีขึ้นได้ประมาณ 3 สัปดาห์ หรือบางรายเป็น 1-2 เดือน ทำให้ตามัวพร่าอยู่เป็นเวลานาน
การรักษา โรคตาแดงจะ รักษา โรคตาแดง ตามลักษณะอาการของโรค เนื่องจากเป็นเชื้อไวรัสยังไม่มียาฆ่าเชื้อไวรัสนี้โดยตรง ถ้ามีขี้ตามากก็หยอดยาปฎิชีวนะ มีไข้ เจ็บคอ ก็ใช้ยาแก้อักเสบร่วมด้วยกับยาลดไข้ ยาลดปวด
ผู้ป่วย โรคตาแดง ต้องพยายามรักษาสุขภาพพักผ่อนมากๆ โดยเฉพาะในช่วงที่มีอาการตาแดงอย่างรุนแรง ไม่ควรทำงานดึกควรนอนให้เพียงพอ ไม่จำเป็นต้องปิดตาไว้ตลอด ยกเว้นมีกระจกตาอักเสบ เคืองตามาก จึงปิดตาเป็นครั้งคราว และควรสวมแว่นกันแดดเพื่อป้องกันแสง
ควรงดการใช้ผ้าเช็ดหน้าร่วมกัน ทุกครั้งที่จับตาควรล้างมือให้สะอาด ผู้ป่วยไม่ควรลงเล่นน้ำในสระ จะแพร่กระจายเชื้อไวรัสไปในน้ำได้
หากรักษาด้วยยาป้ายตา หรือยาหยอดตานานเกิน 7 วัน แล้วอาการยังไม่ทุเลา หรือมีอาการอื่นร่วม เช่น ปวดตามาก ตามัว ขี้ตาเป็นหนอง ลืมตาไม่ขึ้น มีไข้สูง ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที เพราะหากทิ้งไว้นานถึงขั้นตาบอดได้
การป้องกัน โรคตาแดง 1.ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ให้สะอาดอยู่เสมอ 2.ไม่คลุกคลีใกล้ชิด หรือใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย 3.ถ้ามีฝุ่นละออง หรือน้ำสกปรกเข้าตา ควรล้างตาด้วยน้ำสะอาดทันที 4.อย่าปล่อยให้แมลงหวี่ หรือแมลงวันตอมตา 5.หมั่นดูแลรักษาความสะอาดของร่างกาย สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ เช่น เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ให้สะอาดอยู่เสมอ 6.ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า ปลอกหมอน เพื่อป้องกันการกระจายของโรคทั้งนี้หากมีอาการตาแดง ควรรีบพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยสาเหตุของการเกิดอาการตาแดง ซึ่งนอกจากจะเกิดจากเชื้อไวรัสแล้ว อาจเกิดจากสารเคมี หรือรังสี โดยเฉพาะรังสีอุลตราไวโอเลตได้
ที่สำคัญ ผู้ป่วยโรคตาแดงควรหยุดเรียนหรือหยุดงานรักษาตัวอยู่ที่บ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้โรคตาแดงลุกลามหรือติดต่อสู่คนอื่น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ภาพประทับใจ
